Top
  /  บทความ   /  ดูแลผิวพรรณ   /  ทำยังไงถึงจะป้องกันการเกิดฝ้าได้อยู่หมัด
ทำยังไงถึงจะป้องกันการเกิดฝ้าได้อยู่หมัด

ทำยังไงถึงจะป้องกันการเกิดฝ้าได้อยู่หมัด

ใบหน้าเป็นอวัยวะในร่างกายส่วนแรก ๆ ที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เพราะคนส่วนใหญ่มักมองที่หน้าตาเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ หากเรามีจุดด่างดำ กระ ฝ้าบนใบหน้า ก็อาจจะทำให้สูญเสียหรือขาดความมั่นใจลงไปได้ ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพโดยรวม เวลาจะทำอะไรก็รู้สึกกังวลใจกับใบหน้าของตัวเอง 

แม้ว่าจะมีวิธีการแก้ไขที่ปลายเหตุด้วยการแต่งหน้าใช้เครื่องสำอางกลบก็ตาม แต่จะดีกว่าไหมหากเราจัดการกับปัญหาเหล่านั้นที่ต้นตอได้อย่างอยู่หมัด และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก โดยเฉพาะปัญหาหน้าเป็นฝ้า ที่หลายคนเข้าใจว่าแก้ไขยาก วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการป้องกันและแก้ไขกับปัญหานี้กันค่ะ

ฝ้าคืออะไร

melasma

ฝ้าคือรอยสีน้ำตาลหรือสีดำบนใบหน้า มีลักษณะเป็นแผ่นปื้นใหญ่ โดยส่วนมากมักเกิดจากการที่ผิวหน้าของเราโดนแสงแดดอยู่เป็นประจำ ทำให้สะสมจนเกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลดำนั่นเอง โดยใต้ชั้นผิวหนังจะมีเซลล์ที่ชื่อว่า เมลาโนไซต์ เป็นเซลล์ที่เมื่อถูกกระตุ้นด้วยรังสียูวีในแสงแดด

จะผลิตเม็ดสีหรือที่เรียกว่า เมลานิน ขึ้นมา เพื่อปกป้องผิวหน้าจากการถูกแสงแดดทำร้าย ยิ่งใบหน้าของเราโดนแสงแดดมากเท่าไหร่ เซลล์เมลาโนไซต์ก็จะผลิตเมลานินออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้เกิดเม็ดสีน้ำตาลดำบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นกระ ฝ้า จุดด่างดำ

ล้วนเกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ที่ถูกกระตุ้นโดยรังสียูวีทั้งสิ้น สร้างความหนักอกหนักใจให้กับใครหลายคน แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะเรามีวิธีป้องกันการเกิดฝ้ามาแนะนำกันค่ะ

ป้องกันการเกิดฝ้าได้อย่างไร

1.ทาครีมกันแดด

แน่นอนว่าสาเหตุการเกิดฝ้า 90% ล้วนมาจากแสงแดด ดังนั้น เราจึงต้องปกป้องผิวหน้าของตัวเองด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป (ยิ่งถ้า SPF50 จะยิ่งปกป้องผิวได้ดียิ่งขึ้น) และเลือกค่า PA 3 บวกขึ้นไป คือ PA+++ ควรทาก่อนออกไปข้างนอกทุกครั้งในปริมาณที่ถูกต้องคือ 2 ข้อนิ้วหรือปริมาณเท่าเหรียญสิบ เพื่อให้ครีมกันแดดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2.พกร่ม หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด

นอกจากการทาครีมกันแดดแล้ว เราควรพกอุปกรณ์เสริมหรือตัวช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดอื่นอีก เช่น ร่มกันรังสียูวี หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด เพราะอุปกรณ์เหล่านี้สามารถปกป้องผิวหน้าของคุณได้ดียิ่งกว่าครีมกันแดดเสียอีก แต่จะดีกว่าถ้าเราใช้ทั้งสองอย่างรวมกัน ก็จะป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดฝ้าได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.หลีกเลี่ยงความร้อน

ไม่เพียงแต่แสงแดดเท่านั้นที่ทำให้หน้าเป็นฝ้า แต่ยังรวมถึงความร้อนจากแหล่งต่าง ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากการทำอาหาร การอยู่หน้าเตาเป็นระยะเวลานาน ๆ รวมถึงการอบไอน้ำทำผมเสริมสวย และการอบซาวน่าอีกด้วย จึงไม่ควรไปทำสวยที่ต้องใช้ความร้อนบ่อยจนเกินไป

4.ลดเวลาอยู่กับหน้าจอ

blue light smartphone

ใครที่ติดโซเซียลต้องระวังข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะในหน้าจอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปต่าง ๆ ก็ตาม ล้วนมีรังสียูวีออกมาจากหน้าจอทั้งสิ้น นอกจากจะทำให้ปวดหัว ปวดตา แล้วยังทำให้หน้าเป็นฝ้าอีกด้วย เราจึงควรจำกัดเวลาในการใช้หน้าจอเหล่านี้ ไม่ให้มีระยะเวลานานเกิดไป เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อสายตาแล้ว ยังส่งผลเสียต่อผิวหน้าอีกด้วย

5.หลีกเลี่ยงความเครียด

ข้อนี้หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าความเครียดจะทำให้หน้าเป็นฝ้าได้อย่างไร แต่หารู้ไม่ว่าความเครียดจะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายโดยตรง ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน โดยฮอร์โมนอาจจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินเพิ่มมากขึ้น ทำให้เม็ดสีบนใบหน้าเข้มขึ้นนั่นเอง และไม่เพียงแต่คนที่มีความเครียดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่กำลังตั้งครรภ์ และคนที่กินยาคุมอีกด้วย ที่จะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน

6.ไม่ซื้อยามากินเอง

ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้หน้าเป็นฝ้าได้โดยตรง เช่น ยากันชักบางประเภท จะทำให้เกิดปื้นสีดำคล้ำบนบริเวณใบหน้า ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนซื้อยามารับประทาน เพราะไม่ใช่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นฝ้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย หากเรารับประทานยาผิดประเภท

7.ใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพ

makeup problem of melasma

เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวบางชนิดมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า หรือในบางรายอาจจะแพ้น้ำหอม สี หรือสารเคมีบางตัวในเครื่องสำอางหรือสกินแคร์บางอย่าง ทำให้ผิวหน้าเกิดรอยดำคล้ำที่มีลักษณะเป็นฝ้าได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรเลือกเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน อย่าเลือกแต่เฉพาะที่ราคาถูกกว่าเท่านั้น เพราะอาจได้ไม่คุ้มเสีย และควรทดสอบการแพ้เบื้องต้นก่อนการใช้จริงอีกด้วย

8.ดูแลตัวเองอยู่เสมอ

การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ยังคงเป็นพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับการป้องกันการเกิดฝ้าต่าง ๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำแล้วสบายใจอย่างงานอดิเรกที่เราชื่นชอบ เพราะเมื่อเรามีสุขอนามัยและสุขภาพกายใจที่แข็งแรงแล้ว ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดฝ้าลงไปได้อีกเท่าตัว

สรุป

แต่สำหรับใครที่หน้าเป็นฝ้าไปแล้ว อยากหาทางรักษาหรือแก้ไขให้ฝ้าจางลงไป เรามีตัวช่วยดี ๆ มาแนะนำ เป็นครีมลดฝ้าสำหรับทาหน้าที่มีคุณภาพ ผู้ใช้หลายคนมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ จึงบอกต่อและใช้กันเรื่อยมา

นั่นก็คือครีมฝาเขียวที่มีชื่อว่า นาโน มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีม จีพีโฟร์จี มีคุณสมบัติช่วยลดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยส่วนผสมและสารสกัดเกรดพรีเมี่ยมที่นำเข้าจากฝรั่งเศส และดัดแปลงสูตรให้เหมาะกับคนไทยและคนเอเชีย พร้อมทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยดูดซึมเนื้อครีมด้วยระดับนาโน ทำให้มั่นใจได้ว่าใบหน้าของคุณจะดูดซึมสารสกัดที่มีประโยชน์ไปช่วยรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ

v

At vero eos et accusamus et iusto odio dignissimos qui blanditiis praesentium voluptatum.